04 รู้จักและใช้งาน Yoast SEO

การจะทำให้เว็บไซต์ของเราให้ติดอันดับ google อาจจะมีอยู่หลายวิธี Yoast SEO คือ การใช้ปลั๊กอินมาช่วย (เฉพาะเว็บ WP) โดยตัว Yoast คือปลั๊กอินที่ดีที่สุดสำหรับการทำ SEO บน WP

Yoast SEO คืออะไร

 Yoast SEO คือ ปลั๊กอิน ที่ช่วยปรับแต่งด้าน Technical SEO ให้เป็นมิตรกับการค้นหาคำของ Google ตัวปลั๊กอินนี้ไม่ได้ช่วยให้เว็บเราติดหน้าแรก แต่เขาจะช่วยเราเช็คลิสต์โครงสร้างเนื้อหาหน้าเว็บของเรา โดยใช้สัญญาณไฟจราจรเป็นตัวบอกว่าโครงสร้างบทความของเราดีพอหรือยัง

ถ้ามีไฟแดงปรากฏขึ้น โครงสร้าง SEO ในบทความนี้ยังไม่ดี ต้องปรับแต่งอีกนะ ถ้าเป็นสีเหลืองแสดงว่าพอใช้ได้ แต่ถ้าไฟเขียวติดเมื่อไหร่ แสดงว่าบทความของเรา มีการใช้ เทคนิคทำ SEO ที่ดีเยี่ยม และถูกหลักการในแบบที่ Google ต้องการ แล้วนั้นเอง

ตัวอย่างสิ่งที่ปลั๊กอินนี้ตรวจเช็คหน้าบทความของเรามีประมาณนี้ครับ


วิธีใช้งาน Yoast SEO

ขั้นตอนใช้งานปลักอิน Yoast SEO แบบละเอียด ทำตามครบไฟเขียวติดทุกดวง

1. บทความของเราต้องมีคำที่เป็น keyword ชัดเจน 1 คำ

ในทุกบทความ หรือในหน้าเพจบนเว็บของเรา ต้องโฟกัสไปที่เรื่องเดียว 1 หน้า 1 focus keyword อย่าพยายามยัด keyword ทุกอย่างลงไป การเลือกคำ keyword ให้ตรงกับสิ่งที่ลูกค้าของเราอยากรู้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

กลับไปที่หลังบ้านหน้าบทความของเรา เมื่อเราติดตั้งปลั๊กอินเรียบร้อยแล้ว ให้มองไปทางด้านล่างของของหน้า post จะมี ส่วน option จากปลั๊กอิน Yoast เพิ่มขึ้นมา

ให้เราใส่คำ keyword ที่เราได้เลือกไว้ ลงในช่อง Focus keyphrase

เมื่อเราวางคำ focus keyphrase ลงไป จะเห็นว่าเริ่มมีไฟสีเขียวปรากฏขึ้นมา เราต้องค่อยๆ ไล่ทำตามสิ่งที่ปลั๊กอินแนะนำไว้ทีละข้อๆ Focus keyphrase คือ คำ หรือวลี ที่เราอยากให้ติดอันดับมากที่สุดของหน้าเพจนั้น เมื่อคุณใส่คำ Keyword ลงไปในช่องนี้ ตัวปลั๊กอิน Yoast เขาจะตรวจเช็คเนื้อหา และเสนอคำแนะนำต่างๆ หรือแนวทางแก้ไข ให้คุณเองแบบอัตโนมัติ

2 .ชื่อเรื่องบทความต้องไม่ยาวเกินไปหรือสั้นเกินไป 

และไม่จำเป็นต้องเขียนให้มีไฟสีเขียวเต็มช่อง เพราะตัวอักษรภาษาไทย และภาษาอังกฤษ มีรูปแบบการนับคำที่แตกต่างๆ กัน เขียนให้มีไฟสีเขียวแสดงเกือบเต็มพอ ถ้าเส้นสีเขียวขึ้นเต็มช่องเปะๆ แปลว่า สิ่งที่เราเขียนยาวเกินไปครับ

3. วาง focus keyword ไว้ที่คำแรกของชื่อบทความ

Google อ่านเหนือหาจากขวาไปซ้าย และจากด้านบนลงข้างล่าง ดังนั้น พยายามนำคำที่เป็น focus keyword วางไว้ต้นๆ ประโยคเสมอครับ

4. มี keyword อยู่ที่ url ด้วย

จากคำแนะนำข้อ 2-4 มีขั้นตอนการทำดังนี้ เราควรตั้งชื่อเรื่องด้วยความยาวที่เหมาะสม ไม่สั้นหรือยาวเกินไป วิธีเช็คขนาดความยาวของชื่อเรื่อง ให้เราคลิกตรงคำว่า Edit snippet

ในส่วนของ SEO title ให้เราตั้งชื่อเรื่องบทความ ให้เราพิมพ์ชื่อเรื่องๆ เพิ่มไปเรื่อย จนกว่าแถบได้ล่างจะกลายเป็นสีเขียว ซึ่งบอกให้รู้ว่าชื่อบทความของเรามีความยาวที่เหมาะสมแล้วนะ ถ้าเราใส่ชื่อเรื่องสั้นหรือยาวเกินไปแถบด้านล่างจะเป็นสีส้ม หรือสีแดงนั้นเอง

จากให้ให้เรา copy ชื่อบทความของเรา ไปวางในส่วนของ post title ด้วย

SEO tip: ควรวาง focus keyword ไว้ที่คำแรกของชื่อบทความ เพื่อช่วยให้ Google เข้าใจบทความของเราได้ง่ายที่สุด

ตรงส่วนของ Slug คือส่วนกำหนด url ของบทความ ให้เราใส่คำ focus keyword ลงไปได้เลยครับ

5. ต้องมี keyword ปรากฏอยู่ที่ย่อหน้าแรก (first paragraph) ของบทความ

ย่อหน้าแรกของทุกๆ บทความ ควรวางคำ focus keyword ลงไปด้วย เพราะย่อหน้าแรกนั้นเปรียบเหมือนภาพรวม หรือบทสรุปของเนื้อเรื่องทั้งหมด จึงจำเป็นต้องมี keyword เพื่อช่วยบอกให้ google และผู้ใช้งานเข้าใจในสิ่งที่เราจะสื่อสารนั้นเอง

6. ความยาวเนื้อหาของบทความที่ดีต้องยาวไม่น้อยไปกว่า 300 คำ

Yoast ได้แนะนำเรามาว่าบทความที่ดีควรมีความยาวอย่างน้อย 300 คำ (คำภาษาอังกฤษ) แต่ปัญหาตรงจุดนี้คือ ปลั๊กอิน Yoast ยังนับคำภาษาไทยยังไม่ถูกต้อง เราต้องเขียนคำไทย 700 คำ ถึงจะเท่ากับ 300 คำภาษาอังกฤษ ดังนั้นตรงจุดนี้เราอาจไม่ต้องแต่งบทความให้ครบ 300 คำ แค่พยายามเขียนบทความ ให้ Yoast นับคำตรงส่วน The text contains ให้ได้สัก 200 เป็นอย่างต่ำก็เพียงพอแล้วครับ แม้ว่าไฟที่โชว์จะไม่เป็นไฟสีเขียวก็ตาม

7. ต้องมีรูปภาพประกอบบทความ และต้องใส่ Alt text ของรูปภาพเป็นคำ keyword ด้วย

บทความจะน่าอ่านควรมีรูปภาพประกอบ อย่างน้อย 1 รูปขึ้น และบทความใน 1 หน้าบทความเราจะมีกี่รูปก็ตาม ต้องมี 1 ภาพเป็นอย่างน้อย ใสคำหลังรูป ที่เราเรียกกันว่า Alt text เป็นคำ focus keyword ด้วยอย่างน้อย 1 รูป

เราต้องใส่ Alt text ตั้งแต่ขั้นตอนอัพโหลดรูปภาพเลย ดูภาพประกอบนะ ว่าให้ใส่คำ keyword ตรงจุดไหน

*ไม่ควรใส่คำ Alt text เป็นคำ focus keyword ในทุกรูป ควรกระจายๆ หาคำอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องก็ได้

8. ต้องมีทั้ง external link และ internal links

เว็บที่ดีต้องมีความน่าเชื่อถือ เราควรมีลิงค์จากภายนอกเว็บไซต์ของเรา (external link) ซึ่งเป็นที่มาทีไป (reference) ของบางแนวคิวที่เราหยิบยกมาใส่ในบทความของเรานั้นเอง รวมถึงต้องมีลิงค์ภายในเว็บของตัวเองปรากฏอยู่ในเนื้อหาด้วย เราสามารถเพิ่มลิงค์ต่างๆ ด้วยฟังชั่น hyper link บน visual text editor

SEO tip: การทำลิงค์บนหน้าบทความเราควรทำลิงค์แบบ Anchor Text คือ คือการทำ hyper link บนข้อความ เพื่อใช้เชื่อมโยงระหว่างเว็บ คำที่เป็น Anchor Text กับลิงค์ที่ส่งไป ต้องมีความสัมพันธ์กันด้วยนะ

9. ความถี่ของ keyword เมื่อเทียบกับปริมาณ Text ทั้งหมด ไม่ควรเกิน 2.5 %

จำนวนคำ keyword ที่เราพยายามยัดลงไปในบทความ ไม่ควรเกิน 2.5% Keyword density หมายถึงสัดส่วนของคีย์เวิร์ดเมื่อเทียบกับปริมาณ Text ทั้งหมดในบทความ คำแนะนำคือ ถ้าเป็นไปได้ เราควรใส่คีย์เวิร์ดในประโยคแรกของบทความ จากนั้นคือให้กระจายหลวมๆ ทั่วทั้งบทความ

10. ต้องมี focus keyword ปรากฏอยู่บนหัวข้อประเภท H2 หรือ H3 ด้วย

บทความที่ดีต้องเขียนให้อ่านง่ายๆ การมีหัวข้อแยกเนื้อหาแต่ละส่วนช่วยให้ผู้อ่าน อ่านบทความของเราได้สะดวก และเข้าใจเนื้อหาของเราได้ง่ายขึ้นนั้นเอง

ตัวอักษรเนื้อหาทั่วไปเราควรเลือกใช้ฟอนต์ประเภท paragraph แต่ใส่วนที่หัวข้อเราควรเลือกใช้ฟอนต์ที่เป็นประเภท heading (ฟอนต์ H1-H6) และต้องมีคำที่เป็น keyword เป็น heading 2 รวมอยู่ด้วย

11. meta description ต้องปรากฏคำ keyword

คำอธิบายบทความแบบย่อ หรือที่เรียกว่า meta description ต้องปรากฏคำ keyword และมีความยาวที่เหมาะสมไม่ควรสั้นหรือยาวเกินไป ให้เราเข้าไปแก้ไขตรงส่วนของ edit snippet ได้เลย

12. บทความต้องจัดวางให้อ่านง่าย

บทความต้องจัดวางให้อ่านง่าย แต่ละย่อหน้าต้องไม่ยาวเกินไป (ไม่ควรเกิน 5 บรรทัด) ควรมีการเว้นบรรทัด เพื่อให้มีช่องไฟ ให้คนอ่านได้ง่ายขึ้น

เนื้อหาควรมีการแสดงที่หลากหลาย เช่น มี ออร์เดอร์ลิสต์ มีบุลเลทต์ มีตัวหนา มีตัวเอียง ถ้าเป็นไปได้ควรมีสื่อผสม คือมีการนำลิงค์วิดีโอ หรือลิงค์ไฟล์เสียงต่างๆ มาแสดงบนหน้าเว็บของเราด้วยครับ

ภาพตัวอย่างบทความที่ไฟเขียวติดแล้ว จะได้หน้าตาประมาณนี้ครับ

และในส่วนของ all post ก็จะมีไฟสีเขียวติดขึ้นชัดเจน

13. ทำ Social markup

นอกจากนี้ Yoast ยังมีฟังชั่นการควบคุมรูปภาพ และ title เพื่อใช้ในการแชร์ไปยัง social media ให้แสดงผลถูกต้องอีกด้วย โดยให้เราคลิกตรงสัญลักษณ์ social share ให้เราใส่ข้อมูลให้ครบตามรูปภาพด้านล่าง และจุดสำคัญ ทุกบทความเราต้องมีรูปภาพหน้าปก ขนาดรูปภาพที่เขาแนะนำคือ 1200×630 px เพื่อให้การแชร์ไปยัง Facebook รูปจะได้ออกมาสวยที่สุดนั้นเอง

เมื่อทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลองไปทดสอบการแชร์ไปยัง Facebook ดูครับว่าภาพที่โชว์ เป็นภาพที่เราต้องการรึยัง หากบางครั้งภาพที่แชร์ไป ไม่แสดงภาพที่เราต้องการ เราอาจต้องไปเคลียร์แคช 🙂

Share this Doc

04 รู้จักและใช้งาน Yoast SEO

Or copy link

Scroll to Top